Friday, June 13, 2014
38. ออกเสียง Deluxe
คำว่า Deluxe ที่แปลว่าหรูหราราคาแพง สามารถอ่านได้สองแบบ คือ
- [ˌdəˈlʌks] ; [เดอะลั๊คซฺ]
- [ˌdəˈlʊks] ; [เดอะลุคซฺ]
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้จากเจ้าของภาษา Click
37. ออกเสียง Finale
กลับมาแล้วครับผมหลังจากที่หายไปนาน ตั้งแต่กลับเชียงใหม่มาไม่ค่อยมีโอกาสได้อัพเดตบล็อคเท่าไหร่เพราะว่าผมไม่มีคอมพิวเตอร์ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
คำศัพท์ที่ผมจะมาบอกวิธีการออกเสียงวันนี้คือคำว่า "finale" คำๆ นี้สำหรับคนที่ชื่อนชอบการดู series ฝรั่งจะเห็นคำนี้บ่อยๆ เพราะมันมีความหมายว่าตอนจบ หรือตอนสุดท้ายนั้นเอง นอกจากนี้คำๆ นี้ยังสามารถใช้กับการแสดงดนตรีหรือโชว์อะไรสักอย่างได้อีกด้วย ซึ่งมีความหมายว่า การแสดงปิดท้าย วิธีการออกเสียงคำนี้ให้ถูกต้องคือ
1. British English : [fɪˈnɑːli] ; [ฟิน่าหลี่]
2. American English : [fɪˈnæli] ; [ฟิแน๊หลี่]
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้จากเจ้าของภาษา Click
Tuesday, May 6, 2014
36. หมายค้น ภาษาอังกฤษ??
เมื่อสักครู่ได้ดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งแล้วเป็นฉากที่ตำรวจกำลังจะไปขอค้นบ้านผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นก็เลยร้องหาหมายค้น ซึ่งคำว่าหมายค้นในภาษาอังกฤษคือคำว่า "Search warrant" ออกเสียงว่า
- British English : [ˈsɜːtʃ wɒrənt] ; ['เซิ๊ช โวเหริ่นทฺ]
- American English :
1. [ˈsɜːrtʃ wɔːrənt] ; ['เซิ๊ร์ชฺ วอเหริ่นท์]
2. [ˈsɜːrtʃ wɑːrənt] ; ['เซิ๊ช วาเหริ่นทฺ]
***เพิ่มเติม
คำนี้สามารถเรียกสั้นๆ แค่ warrant ก็ได้นะครับ
***เพิ่มเติม
คำนี้สามารถเรียกสั้นๆ แค่ warrant ก็ได้นะครับ
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้จากเจ้าของภาษา Click
35. สำนวน A jack of all trades
วันนี้ผมขอนำเสนอสำนวน "A jack of all trades." สำนวนนี้จะใช้กับคนที่สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้แต่ไม่เก่งจริงสักอย่าง (อารมณ์แบบทำนั้นทำนี้ได้รู้ว่าต้องทำไง แต่ถามว่าเก่งไหม รู้ลึกไหม....ไม่)
ตัวอย่างการใช้
- A jack of all trades, master of none.
รู้ไปหมด ไม่เก่งสักอย่าง
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
Sunday, May 4, 2014
34. ออกเสียง Coyote
คำว่า Coyote ที่แปลว่าหมาป่า หรือที่คนไทยเอาไว้ใช้เรียกหญิงสาวที่ชอบนุ่งน้อยห่มน้อยเต้นยั่วยวนผู้ชายนั้น ไม่ได้อ่านว่า [โคโยตี้] แต่อ่านว่า
- British English :
1. [kɑɪˈəʊti] ; [คาย'เอิ้วที]
2. [kɔɪˈəʊti] ; [คอย'เอิ้วที]
- American English :
1. [kɑɪˈoʊti] ; [คาย'โอ้วที]
2. [ˈkɑɪoʊt] ; ['ค้ายโอ่ท]
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้จากเจ้าของภาษา Click
33. Multitask คืออะไร??
คำว่า "Multitask" ถ้าวิเคราะห์จากรากศัพท์ "Multi-" แปลว่า "มาก, มากกว่าหนึ่ง" ส่วนคำว่า task แปลว่า "งาน, ภารกิจ" เมื่อทั้งสองคำรวมกันจึงกลายเป็นกริยา (verb) ที่แปลว่าทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกัน ซึ่งวิธีการออกเสียงคำนี้คือ
- British English : [ˌmʌltiˈtɑːsk] ; [มัลทิ'ท้าสคฺ]
- American English : [ˌmʌltiˈtæsk] ; [มัลทิ'แท้สคฺ]
ตัวอย่างการใช้
- Women seem to be able to multitask better than men.
ดูเหมือนว่าผู้หญิงจะเป็นเพศที่สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันได้ดีกว่าผู้ชาย
**เพิ่มเติม : คำว่า Multitask ในทาง computer หมายถึง การใช้งานโปรแกรมหลายๆ โปรแกรมในเวลาเดียวกัน
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้จากเจ้าของภาษา Click
- British English : [ˌmʌltiˈtɑːsk] ; [มัลทิ'ท้าสคฺ]
- American English : [ˌmʌltiˈtæsk] ; [มัลทิ'แท้สคฺ]
ตัวอย่างการใช้
- Women seem to be able to multitask better than men.
ดูเหมือนว่าผู้หญิงจะเป็นเพศที่สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันได้ดีกว่าผู้ชาย
**เพิ่มเติม : คำว่า Multitask ในทาง computer หมายถึง การใช้งานโปรแกรมหลายๆ โปรแกรมในเวลาเดียวกัน
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้จากเจ้าของภาษา Click
32. ออกเสียง Regime
คำว่า "Regime" ที่แปลว่าระบอบการปกครองไม่ได้ออกเสียงว่า [รีจายมฺ] หรือ [รีกายมฺ] แต่คำนี้ออกเสียงว่า
British & American English : [reɪˈʒiːm] ; [เร'จี้ม]
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้จากเจ้าของภาษา Click
Monday, April 28, 2014
31. The five boroughs
New York เป็นรัฐที่มีเขตการปกครอง (Borough) อยู่ 5 เขตด้วยกัน ได้แก่ Manhattan, The Bronx, Brooklyn, Queens และ Staten Island โดย Manhattan มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดเมื่อเทียบกับทั้ง 5 เขต วันนี้ผมจะมาบอกวิธีการออกเสียงชื่อเขตทั้งห้าเขตในมหานครนิวยอร์กที่ผมได้กล่าวไปก่อนหน้านี้เพื่อให้ทุกคนได้ฝึกออกเสียงอย่างถูกต้องกัน
1. Manhattan
ไม่ได้ออกเสียงว่า [แมนฮัตตัน] นะจ๊ะ แต่ออกว่า
- British English : [mænˈhʌən] ; [แมน'ฮะอึ่น]
- American English : [mænˈhæən] ; [แมน'แฮ๊ะอึ่น]
2. The Bronx
- British English : [ðə ˈbrɒŋks] ; [เดอะ 'โบร้งคสฺ]
- American English : [ðə ˈbrɑːŋks] ; [เดอะ 'บร๊าคสฺ]
3. Brooklyn
- British & American English : [ˈbrʊklɪn] ; ['บรุ๊ คลิน]
4. Queens
- British & American English : [kwiːns] ; [ควีนสฺ]
5. Staten Island
British & American English : [stætən ˈɑɪlənd] ; [สแตทเอิน 'อ้ายเหลิ่นดฺ]
**เพิ่มเติม คำว่า "Borough" ออกเสียงว่า
- British English : [ˈbʌrə] ; ['บ๊ะเรอะ]
- American English : [ˈbɜːroʊ] ; ['เบ๊อโหร่ว]
ฟังวิธีการออกเสียงคำทั้งหมดได้ที่ Oxford Advanced Learner's Dictionary
Sunday, April 27, 2014
30. อย่าหาว่าอะไรเลยนะ แต่......
วันนี้มี Phrase ที่น่าสนใจมานำเสนอครับ นั้นก็คือ "No offense, but...." นั้นเอง สำหรับชาวต่างชาติเวลาเขาจะพูดหรือวิจารณ์อะไรใครในแง่ลบ ส่วนใหญ่มักจะขึ้นต้นประโยคด้วยวลีนี้เพื่อให้คำวิจารณ์มันดูเบาลง (แต่คนฟังก็ยังเจ็บอยู่ดี -.-) โดยความหมายของ "No offense, but....." สามารถแปลได้เป็นภาษาไทยประมาณว่า "อย่าหาว่างั้นงี้เลยนะ แต่...." แต่ก่อนที่จะไปขึ้นวิธีการใช้ขอนุญาตบอกวิธีการออกเสียงก่อนละกันนะครับ
อ้ออออ! ลืมบอกไปเลยว่าถ้าเป็น British English จะใช้ "Offence" นะ ถ้าเป็นตัว s จะเป็นของพี่กันเขา
British English : [nəʊ əˈfens] ; [เนิว เออะ'เฟ้นสฺ]
American English : [noʊ əˈfens] ; [โนว เออะ'เฟ้นสฺ]
ตัวอย่างการใช้
- No offense, but I think you're a little too fat to be a model.
อย่าหาว่าไรเลยนะ แต่ชั้นว่าเธออ้วนเกินกว่าจะเป็นนางแบบได้
- No offense, but your boyfriend is not that handsome.
อย่าหาว่างั้นงี้เลยนะ แต่แฟนหล่อนไม่ได้หล่ออะไรขนาดนั้น
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้ Click
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
29. ออกเสียง Avatar
กลับมาที่เรื่องของการออกเสียงอีกครั้ง เชื่อว่าใครหลายๆ คนคงเคยดูหนังเรื่องนี้ หนังสุดอลังการจากผู้กำกับยอดฝีมืออย่าง James Cameron ความหมายของคำว่า "Avatar" นั้น ในศาสนาฮินดูหมายถึงการกลับชาติมาเกิดใหม่ นอกจากนี้ยังแปลว่ารูปภาพ (ที่แทนตัวของเราหรือใครก็ตามในเกมส์หรือห้องแชท) ส่วนการออกเสียงชื่อหนังเรื่องนี้ให้ถูกต้องนั้นคือ
British English : [ˈævətɑː]; ['แอ๊เวอะทา]
American English : [ˈævətɑːr] ; ['แอ๊เวอะทาร์]
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้ Click
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
Thursday, April 24, 2014
28. มีกลิ่นตัววววว !!!
ช่วงนี้ที่ประเทศไทยอากาศร้อนมากถึงมากที่สุด และแน่นอนคนเราเวลาเหงื่อออกย่อมมีกลิ่นตัวเป็นธรรมดา คำว่ากลิ่นตัวในภาษาอังกฤษนั้นคือ "Body Odour(UK) / Odor(US)" ตาม concept ของ blog ผม บอกคำศัพท์แล้วก็ต้องบอกวิธีการออกเสียงของคำให้ถูกต้องด้วย
British English : [ˈbɒdi ˈəʊdə] ; ['โบ้ดิ 'เอิ้วเดอะ]
American English : [ˈbɑːdi ˈoʊdə] ; ['บ๊าดี 'โอ้วเดอะ]
ตัวอย่างการใช้
- Nobody told her she had a body odour/odor problem.
ไม่มีใครบอกนางเลยว่านางมีปัญหาเรื่องกลิ่นตัว
แต่ถ้าหากขี้เกียจพูดคำว่า "Body Odor" เพราะรู้สึกว่ามันยาวเกินไป หรืออะไรก็ตามแต่ สามารถเรียกสั้นๆ ย่อๆ ว่า "BO" ก็ได้
British English : [ˌbiːˈəʊ] ; [บี'เอิ้ว]
American English : [ˌbiːˈoʊ] ; [บี'โอ้ว]
ตัวอย่างการใช้
- She's got BO.
นางกลิ่นตัวแรงมาก
ฟังวิธีการออกเสียงคำว่า "Body Odor" Click
ฟังวิธีการออกเสียง "BO" Click
27. ออกเสียง Anaconda
กำลังดูหนังเรื่อง Anaconda อยู่พอดีเลยครับ ด้วยความที่สงสัยว่าฝรั่งเค้าออกเสียงว่า [อนาคอนด้า] เหมือนที่เราคนไทยออกเสียงกันหรือเปล่า แล้วก็ได้คำตอบมาครับว่า ไม่!!! การออกเสียงคำนี้ให้ถูกต้องคือ
British English : [ˌænəˈkɒndə] ; [แอเหนอะ'โค้นเดอะ]
American English : [ˌænəˈkɑːndə] ; [แอเหนอะ'ค๊านเดอะ]
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้ Click
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
Wednesday, April 23, 2014
26. ออกเสียง Piranha
คำอีกคำที่คนไทยพูดเท่าไหร่ฝรั่งก็ไม่มีวันเข้าใจคือคำว่า "Piranha" ที่คนไทยชอบอ่านกันว่า [ปิรันย่า] คำๆ นี้ถ้าจะออกเสียงให้ถูกต้องฝรั่งเข้าใจต้องออกว่า
British & American English : [pɪˈrɑːnə] ; [พิ'ร่าเหนอะ]
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้ Click Oxford Advanced Learner's Dictionary
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
25. ออกเสียง Genre
(รูปภาพจาก http://putlocker.bz/)
มาที่ความหมายของคำนี้ก่อนดีกว่า คำว่า "Genre" มีความหมายว่า ประเภท, หรือ ชนิด ผมเห็นคนไทยหลายๆ คน รวมทั้งผมด้วย (เมื่อก่อน) อ่านคำนี้กันว่า [เจนรี] แต่คำนี้ถ้าให้ถูกต้องต้องออกเสียงว่า
British English : [ˈʒɒnrə] ; ['โช๊นเหรอะ]
American English : [ˈʒɑːnrə] ; ['ชานเหรอะ]
** เสียง /ʒ/ จริงๆ แล้วออกเสียงเหมือน /จ/ กับ /ช/ ผสมกัน แต่ด้วยความที่ภาษาไทยไม่มีเสียงนี้ผมเลยเขียนตัวอ่านให้เป็นเสียง /ช/ แทนเพราะใกล้เคียงที่สุด
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้ Click Oxford Advanced Learner's Dictionary
Tuesday, April 22, 2014
24. ออกเสียง Salmon
กลับมาที่เรื่องคำภาษาอังกฤษที่คนไทยมักออกเสียงผิดอีกครั้ง คำที่ผมจะมาเสนอในวันนี้คือคำว่า "Salmon" คำที่คนไทยส่วนใหญ่มักออกเสียงผิดเป็น [แซลม่อน] จริงๆ แล้วคำนี้ให้ถูกต้องออกเสียงว่า
British & American English : [ˈsæmən] ; ['แซ้เหมิ่น]
ฟังวิธีการออกเสียงคำนี้ Click Oxford Advanced Learner's Dictionary
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
Sunday, April 20, 2014
23. โจรผู้ร้าย!
วันนี้ผมขอนำเสนอคำศัพท์โจรๆ ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้อ่านกันครับ ในภาษาอังกฤษคำว่าโจรหรือผู้ร้ายมีมากมายหลายคำจำจนปวดหัวเลยครับ แต่ถึงจะเยอะอย่างไรก็ควรที่จะรู้เอาไว้เพื่อที่เวลาพูดคุยกับชาวต่างชาติ ดูหนัง ฟังข่าวจะได้เข้าใจ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มที่คำแรกกันเลยดีกว่า
1. Mugger
หมายถึง โจรที่ข่มขู่ หรือ ทำร้ายผู้คนในที่สาธารณะเพื่อชิงทรัพย์
British English : [ˈmʌgə] ; ['มะเกอะ]
American English : [ˈmʌgər] ; ['มะเกอร์]
2. Smuggler
หมายถึง โจรที่ลักลอบขนสินค้าผิดกฏหมายหรือหนีภาษี
British English : [ˈsmʌglə] ; ['สมะเกลอะ]
American English : [ˈsmʌglər] ; ['สมะเกลอร์]
3. Looter
หมายถึง โจรที่ขโมยของตามห้างร้านหรือตึกเมื่อเวลามีเหตุการณ์จราจล เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ เป็นต้น
British English : [ˈluːtə] ; ['ลู้เถอะ]
American English : [ˈluːtər] ; ['ลู้เดอร์] **ตัวอ่านเป็นเสียง /t/ แต่เวลาฝรั่งอ่านออกเป็น /d/
4. Gunrunner
หมายถึง โจรที่ลักลอบขนอาวุธเถื่อนเข้าเมืองหรือประเทศ
British English : [ˈgʌnrʌnə] ; ['กั้นรันเหนอะ]
American English : [ˈgʌnrʌnər] ; ['กั้นรันเหนอร์]
5. Burglar
หมายถึง โจรที่แอบย่องเบาเข้าบ้านหรือสถานที่ของคนอื่นเพื่อเข้าไปขโมยสิ่งของ
British English : [ˈbɜːglə] ; ['เบ้อเกลอะ]
American English : [ˈbɜːrglər] ; ['เบอร์เกลอร์]
6. Pickpocket
หมายถึง โจรที่ชอบขโมยกระเป๋าสตางค์ หรือ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ในที่ที่มีคนเยอะๆ เช่น ตลาด
British English : [ˈpɪkpɒkɪt] ; ['พิ๊คโพะคิท]
American English : [ˈpɪkpɑːkɪt] ; ['พิ๊คพ๊าคิท]
7. Robber
หมายถึง โจรที่ขู่หรือใช้กำลังเพื่อขโมยสิ่งของของคนอื่น เช่น Bank robber (โจรปล้นธนาคาร)
British English : [ˈrɒbə] ; ['โร๊บเบอะ]
American English : [ˈrɑːbər] ; ['ร๊าบเบอร์]
8. Shoplifter
หมายถึง โจรที่ชอบแอบขโมยของตามร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้า
British English : [ˈʃɒplɪftə] ; ['โช๊พลิฟเถอะ]
American English : [ˈʃɑːplɪftər] ; ['ช๊าพลิฟเทอร์]
9. Hijacker
หมายถึง โจรที่แอบยึดปล้นยานพาหนะ เช่น เครื่องบิน เพื่อที่จะบังคับให้ยานพาหนะนั้นเคลื่อนที่ไปทิศทางอื่น
British English : [ˈhɑɪdʒækə] ; ['ฮ้ายแจ๊คเคอะ]
American English : [ˈhɑɪdʒækər] ; ['ฮ้ายแจ๊คเคอร์]
10. Kidnapper
หมายถึง โจรลักพาตัว
British English : [ˈkɪdnæpə] ; ['คิดแน๊พเพอะ]
American English : [ˈkɪdnæpər] ; ['คิดแน๊พเพอร์]
11. Assassin
หมายถึง โจรผู้ร้ายที่แอบลอบยิงคนที่มีชื่อเสียง
British English : [əˈsæsɪn] ; [เออะ'แซ๊ซิ่น]
American English : [əˈsæsn] ; [เออะ'แซ๊เซิ่น]
12. Arsonist
หมายถึง ผู้ร้ายลอบวางเพลิง
British English : [ˈɑːsənɪst] ; ['อ๊าเซอะนิสท์]
American English : [ˈɑːrsənɪst] ; ['อ๊าเซอะนิสท์]
13. Thief
หมายถึง หัวขโมย (เป็นคำกลางๆ ไม่เฉพาะเจาะจง)
British & American English : [θiːf] ; [ตีฟ]
14. Rapist
หมายถึง โจรข่มขืน
British & American English : [ˈreɪpɪst] ; ['เร้พิสท์]
อ้างอิง
http://krupnan.blogspot.com/2011/10/blog-post_14.html
Oxford Advanced Learner's Dictionary
Friday, April 18, 2014
22. ก้างขวางคอ ภาษาอังกฤษ???
เมื่อเช้านี้ผมมีโอกาสได้ skype กับเพื่อนชาว American คนหนึ่ง และได้เรียนรู้คำๆ หนึ่งจากเพื่อนมาคือคำว่า "ก้างขวางคอ" สำหรับฝรั่งนั้นคำว่าก้างขวางคอคือคำว่า "Third Wheel" หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า "สามล้อ" หรือแปลตรงๆ ตัวก็คือ "ล้อที่สาม" นั้นเอง ถามว่าทำไมต้องใช้คำนั้น ลองดูที่รูปกันดีกว่า
เราจะเห็นว่าล้อด้านหลังมีสองล้อซึ่งเปรียบเหมือนหนุ่มสาวหนึ่งคู่ที่่กำลังนั่งจู๋จี๋กัน ส่วนล้อหน้าที่ alone อยู่ล้อเดียวก็เปรียบเหมือนใครสักคนที่ไปอยู่ในช่วงเวลาที่คู่รักเขากำลังสวีทหวานกัน และนั้นคือสาเหตุว่าทำไมฝรั่งถึงใช้คำว่า "Third Wheel"
ตัวอย่าง
A : Do you wanna come to the movie with me and my girlfriend tonight?
คืนนี้อยากไปดูหนังกับกูและแฟนกูป่ะ?
B : I'd love to, but I don't wanna be a third wheel.
ก็อยากไปอยู่นะ แต่ไม่อยากเป็นก้างขวางคอว่ะ
อยากรู้ความหมายอื่นๆ ของคำว่า Third Wheel Click Urban Dictionary
Wednesday, April 16, 2014
21. Beer Belly เบียร์ลงพุง !!
Beer Belly!
เบียร์ลงพุง!
What causes a beer belly?
เบียร์ลงพุงเกิดจากอะไร?
It was by far and away our most popular health video of the year: We know beer is pretty calorific, as are the snacks we crave to accompany it. But why does it specifically affect men's guts? Greg Foot explains all.
ต้องบอกว่านี้คือวิดิโอเกี่ยวกับสุขภาพที่ฮอตฮิตที่สุดแห่งปีของเราเลยทีเดียว: เรารู้กันอยู่แล้วว่าเบียร์เป็นเครื่องดื่มที่ค่อนข้างมีแคลอรี่สูงมาก เช่นเดียวกันกับพวกกับแกล้มทั้งหลาย ว่าแต่แคลอรี่สูงแล้วทำไมต้องลงพุงผู้ชายด้วยละ? เกร็ก ฟุท จะมาไขข้อสงสัยนี้ให้กับเหล่าคุณผู้ชายเอง
It was by far and away our most popular health video of the year: We know beer is pretty calorific, as are the snacks we crave to accompany it. But why does it specifically affect men's guts? Greg Foot explains all.
ต้องบอกว่านี้คือวิดิโอเกี่ยวกับสุขภาพที่ฮอตฮิตที่สุดแห่งปีของเราเลยทีเดียว: เรารู้กันอยู่แล้วว่าเบียร์เป็นเครื่องดื่มที่ค่อนข้างมีแคลอรี่สูงมาก เช่นเดียวกันกับพวกกับแกล้มทั้งหลาย ว่าแต่แคลอรี่สูงแล้วทำไมต้องลงพุงผู้ชายด้วยละ? เกร็ก ฟุท จะมาไขข้อสงสัยนี้ให้กับเหล่าคุณผู้ชายเอง
When you drink beer, your liver has to go into overdrive to detoxify the alcohol. Now add a few packets of crisps to the equation, maybe some peanuts and those calories are there to stay. Beer itself is pretty calorific stuff, to the tune of around 150 calories a unit so why beer makes you fat, well that starts to seem obvious
เวลาดื่มเบียร์เข้าไป ตับจะทำงานหนักมากขึ้นเพื่อขับแอลกอฮอล์ออกมา แล้วยิ่งถ้ากินพวกมันฝรั่งทอดกรอบ หรือไม่ก็พวกถั่วลิสงเป็นกับแกล้มเข้าไปอีก คุณๆ ทั้งหลายเตรียมทำความรู้จักกับแคลอรี่ได้เลย เพราะแค่เบียร์อย่างเดียวนี่ก็ถือว่าแคลอรี่สูงมากแล้ว ประมาณ 150 ต่อหน่วย ไม่แปลกเลยว่าทำไมดื่มเบียร์แล้วถึงอ้วน
Now why does it give you a beer belly specifically? Well the answer is down to two thing apparently - gender and age. After about the age of 35 most men's metabolisms start to slow down. While men tend to put weight on their....bellies, women's fat stores commonly go on their backside and hips.
มาถึงคำถามที่ว่าดื่มเบียร์แล้วทำไมถึงต้องลงพุงคุณผู้ชายด้วย คำตอบมีอยู่หลักๆ สองข้อคือ - เพศ และ อายุ หลังจากอายุ 35 ขึ้นไป ระบบการเผาผลาญของเหล่าคุณผู้ชายทั้งหลายจะทำงานช้าลง เลยทำให้ของเหลือต่างๆ ไปตกลงพุงหมด ในขณะที่ของคุณผู้หญิงจะไปตกลงที่ก้นหรือไม่ก็สะโพกแทน
Vocabularies
1. Calorific (adj.) = ซึ่งมีแคลอรี่สูง ออกเสียงว่า [ˌkæləˈrɪfɪk] ; [แคเลอะ'รี้ฟิค]
2. Crave (v.) = ต้องการ ออกเสียงว่า [kreɪv] ; [เครฟ]
3. Accompany (v.) = เกิดขึ้น, มากับ, ติดสอยห้อยตาม, ปรากฏขึ้นพร้อมกับสิ่งหนึ่ง ออกเสียงว่า [əˈkʌmpəni] ; [เออะ'คั้มเพอะนี]
4. Liver (n.) = ตับ ออกเสียงว่า
- British English : [ˈlɪvə] ; ['ลิเวอะ]
- American English : [ˈlɪvər] ; ['ลิเวอร์]
5. Go into overdrive (idiom) = ทำงานหนัก ออกเสียงว่า
- British English : [ˈəʊvədrɑɪv] ; ['เอ้อเวอะไดรฟ]
- American English : [ˈoʊvərdrɑɪv] ; ['โอ้เวอร์ไดรฟ]
6. Detoxify (v.) = ขับของเสีย, ล้างพิษ ออกเสียงว่า
- British English : [ˌdiːˈtɒksɪfɑɪ] ; [ดี'โถ๊คสิฟาย]
- American English : [ˌdiːˈtɑːksɪfɑɪ] ; [ดี'ท๊ากสิฟาย]
7. Crisp (n.) = มันฝรั่งทอดกรอบ (American เรียกว่า Chip) ส่วนใหญ่ทั้งสองคำจะปรากฏในรูปพหูพจน์ ออกเสียงว่า [krɪsp] ; [คริสพ์]
8. Equation (n.) = ความเท่าเทียม , การทำให้เท่ากัน ออกเสียงว่า [ɪˈkweɪʒn] ; [อิ'เคว้ชึ่น]
9. To the tune of (idiom) = เป็นสำนวนเอาไว้ใช้เน้นว่าอะไรมีจำนวนเท่าไหร่
10.Metabolism (n.) = ระบบการเผาผลาญ ออกเสียงว่า [məˈtæbəlɪzəm] ; [เมอะ'แท้เบอะลิเซิ่ม]
11. Backside (n.) = ก้น ออกเสียงว่า [ˈbæksɑɪd] ; ['แบ๊คส่ายด์]
บทความแปลจาก BBC News
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
20. Lemon or Lime??
เวลาถามคนไทยว่าคำว่ามะนาวภาษาอังกฤษว่าอะไรคนไทยส่วนใหญ่ก็จะตอบอย่างมั่นใจว่า [เลม่อน] ไง จริงๆ แล้วก็ไม่ผิดเพราะเลม่อนมันก็แปลว่ามะนาว แต่เลม่อนที่คนไทยเข้าใจกับเลม่อนที่ฝรั่งเข้าใจมันต่างกัน ต่างกันอย่างไรไปดูกันเลย!
เลม่อนๆ ที่คนไทยเรียกติดปากกันบ่อยๆ คือมะนาวลูกเขียวๆ ที่เราชอบนำมาประกอบอาหารกัน มะนาวแบบนี้สำหรับฝรั่งเค้าจะไม่เรียกว่าเลม่อน แต่จะเรียกว่า Lime ออกเสียงว่า [lɑɪm] ; [ลายม์] (ออกเสียงเหมือนคำว่า Time)
ส่วนเลม่อนสำหรับฝรั่งหน้าตาก็จะเป็นอย่างในรูปด้านบน คือเป็นมะนาวลูกสีเหลืองๆ คำว่าเลม่อน ถ้าจะออกเสียงให้เหมือนฝรั่งจะออกว่า [ˈlemən] ; ['เล้เหมิ่น]
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
Thursday, April 10, 2014
19. ออกเสียง Chevrolet
ยี่ห้อรถที่คนไทยอ่านผิดกันอยู่เป็นประจำนั้นก็คือ Chevrolet คนไทยมักจะออกเสียงคำนี้ว่า [เชฟโรเล็ท] แต่แท้จริงออกเสียงว่า
British & American English : [ʃevrəˈleɪ] ; [เชฟโร'เล่]
อ้างอิง
Oxford Advanced Learner's Dictionary
http://www.youtube.com/watch?v=txe3AUR_N8s
http://inogolo.com/pronunciation/d1413/Chevrolet
18. ออกเสียง Receipt
อีกคำที่คนไทยจะต้องฝึกออกเสียงให้ถูกคือคำว่า "Receipt" ที่แปลว่า "ใบเสร็จ" โดยคำนี้ต้องออกเสียงว่า
British & American English : [rɪˈsiːt] ; [ริ'ซีด]
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
17. ออกเสียง Debt
อีกคำที่คนไทยมักชอบออกเสียงผิดคือคำว่า "Debt" ที่แปลว่า "หนี้" คนไทยส่วนใหญ่จะชอบออกเสียงคำนี้ว่า [เด๊บ] แต่แท้จริงแล้วคำๆ นี้ต้องออกเสียงว่า
British & American English : [det] ; [เดท]
หรือง่ายๆ คือไม่ออกเสียง /b/ นั้นเอง
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
Monday, April 7, 2014
16. Aka ย่อมาจากอะไร???
Post นี้ผมจะขอพูดถึงคำย่อ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า "Abbreviation" ออกเสียงว่า [əˌbriːviˈeɪʃn] ; [เออะบรีวิ'เอ้เชิ่น]
**เพิ่มเติม
คำว่า Abbreviation จะใช้กับ Preposition of/for + something
ตัวอย่าง
What's the abbreviation for "Saint"?
คำว่า "เซนต์" นี่ตัวย่ออะไรนะ?
ต้องขอบอกว่าผมเป็นคนที่ชื่นชอบการดูหนังเอามากๆๆๆ หลายครั้งหลายหนเห็นชื่อหนังที่ผมชอบมีคำว่า "aka" อยู่ตรง Poster หนัง แรกๆ ก็ไม่ค่อยใส่ใจอะไร จนกระทั้งเห็นซ้ำหลายๆ หน จนผมคันไม้คันมืออยากรู้ว่าความหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร เลยไปเปิดตำราอมตะของผม (Oxford Dictionary) แล้วก็ได้คำตอบมาว่า
คำว่า "aka" อ่านว่า [เอเคเอ] ย่อมาจาก "Also Known As" คำย่อนี้จะปรากฎอยู่ในชื่อหนัง คน หนังสือ ฯลฯ ให้ความหมายประมาณว่า "อีกชื่อหนึ่งก็คือ....." หรือ "รู้จักกันในนามว่า......" เป็นต้น
ตัวอย่าง
1. Steve Rogers, aka 'Captain America'
สตีฟ โรเจอรส์ หรือที่รู้จักกันก็คือ 'กัปตันอเมริกา'
2. Harry Potter, aka 'The boy who lived'
แฮร์รี่ พอตเตอร์ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ 'เด็กชายผู้รอดชีวิต'
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
15. ออกเสียง Photographer
กลับมาที่เรื่องของการออกเสียงคำศัพท์ที่คนไทยชอบออกผิดกันบ่อยๆ อีกครั้ง ซึ่งคำที่ผมจะพูดถึงก็คือคำว่า "photographer" ที่แปลว่าช่างภาพนั้นเอง คนไทย 99% ออกเสียงคำนี้ว่า [โฟโต้กราฟเฟอร์] จริงๆ แล้วถ้าจะออกเสียงคำนี้ให้ถูกต้องและฝรั่งเข้าใจคำนี้จะต้องออกเสียงว่า
1. British English : [fəˈtɒgrəfə] ; [เฟอะ'ท้อเกรอะเฟอะ]
2. American English : [fəˈtɑːgrəfər] ; [เฟอะ'ท๊าเกรอะเฟอร์]
อ้างอิง Oxford Advanced Learner's Dictionary
Saturday, April 5, 2014
14. เรื่องกาแฟๆ....
สิ่งหนึ่งที่คนทั่วโลกในยุคสมัยนี้นึกถึงเวลาเพลียๆ หรือง่วงนอนคงเป็นอะไรอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจาก กาแฟ หรือ Coffee ในภาษาอังกฤษ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ Caffeine (คาเฟอีน) ออกเสียงว่า [ˈkæfiːn] ; ['แค้ฟิน] เมื่อพูดถึงกาแฟแล้วสำหรับนักดื่มกาแฟทั้งหลายก็จะทราบว่ากาแฟนั้นมีหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็นกาแฟเพียวๆ ขมๆ หรือกาแฟใส่นมเป็นต้น สำหรับคนที่ไม่ทราบว่ากาแฟนั้นมีแบบไหนบ้าง แล้วแต่ละชนิดมันต่างกันอย่างไร วันนี้ผม(อดีต Barista) จะมาอธิบายให้ฟังคร่าวๆ ครับว่าหลักๆ แล้วกาแฟเขามีแบบไหนกันบ้าง เริ่มกันเลย!
1. Espresso
อันแรกเลยที่น้อยคนนักที่จะชอบดื่มกัน คือ Espresso ออกเสียงว่า [eˈspresəʊ] ; [เอ'สเปร้เสิ่ว] ใน British English และ [eˈspresoʊ] ; [เอ'สเปร้โส่ว] ใน American English สำหรับนักทำกาแฟ (Barista) การทำ Espresso นั้นถือว่าง่ายมากเพราะมันคือกาแฟเพียวๆ กดปุ่มเครื่องทำกาแฟ ใส่แก้ว และเสิร์ฟได้เลย แต่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่าน้อยคนนักจะกินกาแฟแบบนี้ เพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะว่ามันขมน่ะสิ ขมปี๋เลยยยย :S แต่ถ้าใครง่วงมากๆ อยากตื่นผมขอแนะนำ Espresso เลยครับ
2. Americano
อันต่อไปคนเริ่มดื่มขึ้นมาเยอะหน่อยคือ Americano ออกเสียงว่า [əmeriˈkɑːnəʊ] ; [เออะเมริ'ค้าเหนิ่ว] ใน British English และ [əmeriˈkɑːnoʊ] ; [เออะเมริ'ค้าโน่ว] ใน American English สำหรับ Americano นั้นเหมาะสำหรับคนที่อยากกิน Espresso แต่ใจไม่ถึงพอ เพราะอะไร เพราะว่า Americano จริงๆ แล้วก็คือ Espresso ใส่น้ำนั้นเอง วิธีการทำก็คือใส่กาแฟเพียวๆ ลงไปนิดหนึ่งเสร็จแล้วที่เหลือก็เป็นน้ำเปล่าๆ จนเต็มแก้ว รสชาติมันจะขมน้อยลงหน่อย
3. Cappuccino
อันที่สาม Cappuccino ออกเสียงว่า [ˌkæpuˈtʃiːnəʊ] ; [แคพู'ชี้เหนิ่ว] ใน British English และ [ˌkæpuˈtʃiːnoʊ] ; [แคพู'ชีโน่ว] ใน American English Cappuccino เป็นกาแฟที่คนส่วนใหญ่นิยมดื่มกันเพราะว่ามีส่วนผสมของนมเข้าไปด้วย วิธีการทำเครื่องดื่มนี้ก็คือ ใส่กาแฟไปประมาณ 1/4 นมอีกหน่อยและก็ทีเหลือจะเป็นฟองนม **Cappuccino เหมาะกับคนที่อยากดื่มกาแฟกับฟองนม
4. Latte
กาแฟที่คนนิยมดื่มพอๆ กับ Cappuccino เลยคือ Latte ออกเสียงว่า [ˈlɑːteɪ] ; ['ล้าเท] (ออกเสียงเหมือนกันทั้ง British และ American) สำหรับ Latte นั้นสาเหตุที่เป็นที่นิยมก็เพราะว่ามันเป็นกาแฟนมเหมือนกับ Cappuccino นั้นเอง แต่ทั้งสองต่างกันตรงที่ว่า Cappuccino จะเน้นฟองนม แต่ Latte จะเน้นนมกับ Latte art (ลายบนกาแฟ) หรือจำง่ายก็คือ Latte ไม่มีฟองนม
5. Mocha
สุดท้ายคือ Mocha ออกเสียงว่า [ˈmɒkə] ; ['เหมาะเคอะ] ใน British English และ [ˈmoʊkə] ; ['โมเคอะ] ใน American English สำหรับ Mocha นั้นก็คือกาแฟผสมกับ ช๊อคโกแลต (Chocolate) นั้นเอง
หลักๆ ก็มีอยู่ 5 อย่างนี่แหละครับ ที่กล่าวไปนั้นเป็นสูตรกาแฟที่ผมได้เล่าเรียมาจากร้านที่ผมเคยทำ ร้านอื่นๆ อาจจะมีวิธีการทำที่แตกต่างจากนี้ไป
ก่อนจะจบ topic นี้ไปต้องขอขอบคุณ พี่ทิพย์กับพี่ปี จากร้าน Sweet Room Bed&Breakfast ที่สอนความรู้เรื่องกาแฟให้กับผมนะครับ
Subscribe to:
Posts (Atom)